เครื่องยนต์ปฏิสสาร ขับเคลื่อนแรงกว่าพลังนิวเคลียร์พันเท่า ใกล้เป็นจริงหรือยัง?
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวการค้นพบครั้งสำคัญที่ชี้ว่า “ปฏิสสาร” (antimatter) อนุภาคขั้วตรงข้ามของสสารธรรมดาซึ่งหาพบได้ยากมากในจักรวาล ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความโน้มถ่วงและร่วงหล่นสู่พื้นได้เช่นเดียวกับสสารปกติ
ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแวดวงวิทยาศาสตร์ รวมทั้งปลุกความสนใจในเรื่องความเป็นไปได้ของ “เครื่องยนต์พลังปฏิสสาร” ที่มนุษย์หวังว่าจะใช้เดินทางข้ามห้วงอวกาศได้รวดเร็วในพริบตาขึ้นมาอีกครั้ง
แนวคิดเรื่องการสร้างเครื่องยนต์ขับดันยานอวกาศ ซึ่งพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบเฉียดเข้าใกล้ความเร็วแสง เนื่องจากได้พลังมหาศาลจากการทำปฏิกิริยาหักล้างระหว่างสสาร-ปฏิสสาร (matter-antimatter engine) เป็นแนวคิดที่รู้จักกันมานานและปรากฏอยู่บ่อยครั้งในนวนิยายหรือภาพยนตร์แนวไซ-ไฟ
ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ยานอวกาศที่ขับเคลื่อนด้วยการทำปฏิกิริยาหักล้างระหว่างสสาร-ปฏิสสาร จะทรงพลังยิ่งกว่าเครื่องยนต์ขับดันรุ่นใด ๆ ที่เคยมีมา เพราะปฏิกิริยาดังกล่าวจะให้ผลผลิตเป็นพลังงานล้วน ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าที่เครื่องยนต์เผาไหม้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและออกซิเจนเหลวจะให้ได้ถึง 10,000 ล้านเท่า และยังทำความเร็วเหนือกว่าถึง 10 ล้านเท่า
แต่ในขณะเดียวกันหลายคนพากันสงสัยว่า จนถึงทุกวันนี้ แนวคิดล้ำยุคดังกล่าวได้ถูกพัฒนาจนมีความเป็นไปได้จริงมากน้อยแค่ไหนแล้ว ?
นักฟิสิกส์เริ่มมีแนวคิดเรื่องปฏิสสารครั้งแรกในปี 1928 เมื่อพอล ดิแร็ก (Paul Dirac) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เสนอว่ามวล (m) ในสมการ E = mc² ของไอน์สไตน์ สามารถจะมีค่าเป็นลบได้ ซึ่งหมายความว่าในธรรมชาติมีพลังงานลบอยู่เช่นเดียวกับพลังงานบวก และสื่อถึงการดำรงอยู่ของปฏิสสารที่มีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับสสารโดยทั่วไปนั่นเอง
ทว่าปฏิสสารนั้นหาพบได้ยากมากในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มนุษย์ต้องสร้างขึ้นมาด้วยเครื่องเร่งและชนอนุภาค โดยแทบจะไม่พบตามแหล่งกำเนิดในธรรมชาติเลย
บรรดานักฟิสิกส์จึงตั้งสมมติฐานว่า ปฏิสสารเคยมีอยู่ทั่วไปในอดีตช่วงกำเนิดจักรวาลหรือบิ๊กแบง ในปริมาณที่เท่ากันพอดีกับสสารธรรมดา แต่ด้วยสาเหตุลึกลับบางประการ ทำให้สสารทั้งสองชนิดไม่หักล้างกันจนหมดสิ้นไป ส่งผลให้จักรวาลในทุกวันนี้ไม่ว่างเปล่าและยังคงมีสสารหลงเหลืออยู่
คาร์ล แอนเดอร์สัน นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน เป็นผู้ค้นพบโพซิตรอน (positron) หรืออนุภาคอิเล็กตรอนที่มีประจุบวกแทนที่จะเป็นลบในปี 1932 ซึ่งเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นแรกที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของปฏิสสาร
ต่อมาในปี 1955 มีการค้นพบแอนติโปรตอน (anti-proton) หรืออนุภาคโปรตอนที่มีประจุลบแทนที่จะเป็นบวก และในช่วงปลายทศวรรษ 1990 องค์การวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรปหรือเซิร์น (CERN) สามารถจับคู่โพซิตรอนและแอนติโปรตอน จนสร้างอนุภาค “แอนติอะตอม” (anti-atom) ได้สำเร็จ ซึ่งปฏิสสารนี้มีชีวิตอยู่สั้นมากเพียง 40 นาโนวินาที
อย่างไรก็ตาม นับแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา มีการค้นพบร่องรอยของปฏิสสารในธรรมชาติ บริเวณใกล้กับใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกและดาราจักรอื่น ๆ ไม่กี่แห่ง ทำให้มีความหวังขึ้นมาบ้างว่า มนุษย์อาจจะสามารถเก็บเกี่ยวปฏิสสารจากห้วงอวกาศมาใช้ผลิตพลังงานได้ โดยไม่ต้องสร้างขึ้นมาเองจากการชนอนุภาค
ในปัจจุบันการผลิตปฏิสสารด้วยวิธีนี้ยังมีประสิทธิภาพต่ำ เพราะใน 1 ปี เซิร์นสามารถผลิตแอนติโปรตอนจากเครื่องชนอนุภาคได้เพียง 1-2 พิโคกรัม หรือราว 1 ในล้านล้านส่วนของปริมาณ 1 กรัม ซึ่งพอจะทำให้หลอดไฟ 100 วัตต์ สว่างขึ้นมาได้นาน 3 วินาทีเท่านั้น
ทว่าผลการวิจัยล่าสุดในปี 2000 ชี้ว่า เราสามารถใช้ปฏิสสารในปริมาณน้อยนิดเพียง 1 ในล้านส่วนของ 1 กรัม สำหรับการผลิตพลังงานขับเคลื่อนยานอวกาศ ซึ่งปฏิสสารจำนวนนี้เพียงพอจะพามนุษย์ไปถึงดาวอังคารได้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับความเร็วที่เครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงเหลวทำได้ในปัจจุบัน
ด้านองค์การนาซาก็ได้เผยร่างต้นแบบของเครื่องยนต์พลังปฏิสสารออกมา ตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2000 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยตัดลดค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับเชื้อเพลิงเหลวปริมาณมหาศาลลงได้ในอนาคต แต่ก็ยังคงมีปัญหาใหญ่ในด้านการออกแบบวิศวกรรมว่า จะทำอย่างไรให้ห้องบรรจุปฏิสสารไม่ระเบิดออกกลางคัน เนื่องจากการทำปฏิกิริยากับสสารแบบไม่คาดฝัน
ปฏิกิริยาหักล้างระหว่างสสาร-ปฏิสสาร ปลดปล่อยพลังงานที่รุนแรงยิ่งกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิซชัน 1,000 เท่า และรุนแรงยิ่งกว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน 300 เท่า โดยอนุภาคแอนติโปรตอน 10 กรัม ก็เพียงพอที่จะส่งยานพร้อมมนุษย์อวกาศไปถึงดาวอังคารได้ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1 เดือนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ยานอวกาศรุนใหม่จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเก็บรักษาปฏิสสารในห้องที่แยกออกจากสสารโดยเด็ดขาด ซึ่งอาจมีการใช้วงแหวนแม่เหล็กขนาดใหญ่ สร้างสนามแม่เหล็กทรงพลังครอบท่อบรรจุปฏิสสาร เพื่อกักมันไว้ภายในอย่างมิดชิด ก่อนจะปล่อยออกบางส่วนขณะผลิตพลังงาน โดยยิงตรงไปยังสสารธรรมดาที่ใช้เป็นเป้า และใช้หัวฉีดแม่เหล็กจ่ายพลังงานที่ได้ไปยังตัวเครื่องยนต์ขับดันต่อไป
คาดว่ายานอวกาศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากปฏิสสาร จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 116 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำให้การเดินทางในห้วงอวกาศระหว่างดวงดาว โดยออกพ้นขอบเขตของระบบสุริยะ สามารถเป็นจริงได้อย่างไม่ไกลเกินฝันในอนาคตหลายสิบปีข้างหน้า
บทความจาก บีบีซีไทย
clonidine 0.3
augmentin mexico pharmacy
can i buy orlistat over the counter
albuterol discount coupon
amoxicillin 500mg tablets price in india
prednisolone price uk
how to get propecia prescription
buy prednisolone 5mg online
levitra australia
azithromycin 500 mg over the counter
albuterol mdi
baclofen 10 mg cost australia
fildena 50 mg
inderal 80 mg online
ozempic tablets cost
where can i buy semaglutide
semaglutide 21 mg
wegovy drug
виктор пелевин бэтман аполло
where to buy semaglutide