ระบบป้องกันภัยทางอากาศรัสเซีย ยิงเที่ยวบินอาร์เซอร์ไบจานตก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่า การยิงเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินของสายการบินอาเซอร์ไบจานที่เดินทางออกจากกรุงบากู เมืองหลางของอาเซอร์ไบจาน ไปยังเมืองกรอซนีของรัสเซียที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาคอเคซัสเหนือ ตกในวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 35 ราย และรอดตายแต่ได้รับบาดเจ็บอีก 26 คน
รายงานข่าวระบุว่าเ เครื่องบินลำนี้ได้ทำการเปลี่ยนเส้นทางเนื่องจากเหตุผลที่ยังไม่ชัดเจน และตกขณะพยายามลงจอดที่เมืองอักเตาในคาซักสถาน หลังบินข้ามทะเลแคสเปียนไปทางตะวันออก โดยอาเซอร์ไบจานได้ทำการไว้อาลัยต่อเหยื่อโดยลดธงชาติเหลือครึ่งเสา หยุดการจราจรในตอนเที่ยง และมีเสียงไซเรนจากเรือและรถไฟดังขึ้นขณะที่ผู้คนยืนสงบนิ่งไว้อาลัยทั่วประเทศเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม
ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลีเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน กล่าวระหว่างแถลงข่าวในวันเกิดเหตุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก แต่ระบุว่าข้อมูลที่เขาได้รับคือสภาพอากาศที่เลวร้ายลงทำให้เครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองอัคเตา ซึ่งเครื่องบินตกขณะลงจอด
สำนักงานการบินพลเรือนของรัสเซียกล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่านักบินได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังอักเตา เพราะเกิดเหตุฉุกเฉินหลังจากนกชนเครื่องบิน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในอาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน และรัสเซีย ต่างไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่เป็นไปได้ของเครื่องบินตก แต่ราซิม มูซาเบคอฟ สมาชิกรัฐสภาอาเซอร์ไบจาน กล่าวโทษรัสเซียว่า เครื่องบินถูกยิงขณะอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองกรอซนีย์ พร้อมกับเรียกร้องให้รัสเซียออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ
มูซาเบคอฟกล่าวว่า ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา และควรต้องมีการจ่ายค่าชดเชยให้กับเหยื่อ หากไม่ดำเนินการดังกล่าวจะเกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ให้เห็นว่า รูที่เห็นในส่วนหางของเครื่องบินอาจบ่งชี้ว่า เครื่องบินอาจถูกยิงด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ป้องกันการโจมตีจากโดรนของยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้โดรนยูเครนได้ทำการโจมตีเมืองกรอซนีย์ เมืองเอกของสาธารณรัฐเชชเนียของรัสเซียและพื้นที่อื่นๆ บริเวณเทือกเขาคอเคซัสเหนือ
มาร์ก ซี จาก OPSGroup ซึ่งตรวจสอบน่านฟ้าและสนามบินทั่วโลกเพื่อสำรวจความเสี่ยงกล่าวว่า การวิเคราะห์ภาพชิ้นส่วนเครื่องบินที่ตกบ่งชี้ชัดว่าเครื่องบินลำนี้น่าจะถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ หรือ SAM แม้จะยังมีประเด็นอีกมากที่ต้องสืบสวนต่อไป แต่ความเป็นไปได้ที่เครื่องบินลำนี้จะถูกโจมตีด้วย SAM นั้นสูงถึง 90-99%
ด้าน Osprey Flight Solutions ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยการบินที่มีฐานอยู่ในสหราชอาณาจักรเตือนลูกค้าว่า เที่ยวบินของสายการบินอาเซอร์ไบจานอาจถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซียยิงตก
แอนดรูว์ นิโคลสัน ซีอีโอของออสเปรย์กล่าวว่า บริษัทได้ออกคำเตือนมากกว่า 200 ครั้งเกี่ยวกับการโจมตีด้วยโดรนและระบบป้องกันภัยทางอากาศในรัสเซียระหว่างสงคราม แต่เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนว่าทำไมเราถึงทำในสิ่งที่เราทำอยู่ และมันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดที่รู้ว่าแม้เราจะพยายามแล้ว แต่ชีวิตก็ยังคงต้องสูญเสียไปทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ยาน มัตเวเยฟ ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านการทหารของรัสเซีย กล่าวว่า ภาพหางเครื่องบินที่ตกเผยให้เห็นความเสียหายที่พอดีกับสะเก็ดระเบิดจากขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศขนาดเล็ก เช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsyr-S1 เพราะดูเหมือนว่าส่วนหางของเครื่องบินได้รับความเสียหายจากเศษขีปนาวุธ
มัตเวเยฟกล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใดนักบินจึงตัดสินใจบินไปทางตะวันออกหลายร้อยกิโลเมตรข้ามทะเลแคสเปียน แทนที่จะพยายามลงจอดที่สนามบินที่ใกล้กว่าในรัสเซียหลังจากเครื่องบินถูกยิง แต่ระบบบางส่วนของเครื่องบินอาจยังทำงานต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง และลูกเรือเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถบินและลงจอดได้ตามปกติ ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ว่าลูกเรืออาจต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการลงจอดในสถานที่อื่นในรัสเซียด้วย
คาลิเบอร์ เว็บไซต์ข่าวของอาเซอร์ไบจานซึ่งมีเครือข่ายใกล้ชิดกับรัฐบาล อ้างว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsyr-S ของรัสเซียยิงใส่ขณะกำลังบินเข้าใกล้กรอซนีย์ และตั้งคำถามว่าเหตุใดทางการรัสเซียจึงไม่ปิดสนามบิน ทั้งที่ดูเหมือนว่าโดรนจะโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้คามซัต คาดิรอฟ หัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งเชชเนีย กล่าวว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ยิงโดรนที่โจมตีภูมิภาคดังกล่าวตกเมื่อวันพุธ
เว็บข่าวของคาลิเบอร์ยังสงสัยว่าเหตุใดทางการรัสเซียจึงไม่อนุญาตให้เครื่องบินลงจอดฉุกเฉินในกรอซนีย์หรือสนามบินอื่นๆ ของรัสเซียที่อยู่ใกล้เคียง หลังจากถูกยิง
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ตอบคำถามถึงข้อกล่าวหาที่ว่าเครื่องบินถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงใส่ว่า “การตั้งสมมติฐานก่อนที่ผู้สืบสวนจะสรุปผลถือเป็นเรื่องผิด”
นายเมาเลน แอชมบาเยฟ ประธานรัฐสภาคาซัคสถาน ยังได้เตือนด้วยว่าอย่าด่วนสรุปโดยอาศัยภาพชิ้นส่วนเครื่องบิน โดยระบุว่าข้อกล่าวหาว่าเครื่องบินถูกยิงโดยหน่วยป้องกันภัยทางอากาศนั้นไร้เหตุผลและขัดต่อหลักจริยธรรม
เจ้าหน้าที่คาซัคสถานระบุว่า ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวประกอบด้วยชาวอาเซอร์ไบจาน 42 คน ชาวรัสเซีย 16 คน ชาวคาซัค 6 คน และชาวคีร์กีซสถาน 3 คน เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียได้ส่งผู้รอดชีวิตชาวรัสเซีย 9 คนไปยังกรุงมอสโกเพื่อเข้ารับการรักษาตัว