กงสุลจีนในโอเดสซาเสียหายจากเหตุโจมตีของรัสเซีย-ยูเครนงัดมาตรการโต้กลับ
มีรายงานความเสียหายของอาคารสถานกงสุลจีนในโอเดสซา หลังการระดมโจมตีของรัสเซียในพื้นที่ดังกล่าวเป็นวันที่ 3 ด้านรัสเซียเดินหน้าเขย่าตลาดธัญพืชโลกด้วยการยกระดับความตึงเครียดในทะเลดำ ระดมโจมตีทางอากาศเมืองท่ายูเครน และออกคำขู่โจมตีเรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยูเครนหลังพ้นเส้นตายเช้าวันพฤหัสบดี
หลังถอนตัวจากข้อตกลงทะเลดำเมื่อวันจันทร์ รัสเซียระดมโจมตีด้วยขีปนาวุธที่โอเดสซา เมืองท่ายูเครนในวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและและบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 27 คน ทั้งยังทำให้อาคารใกล้เคียงเกิดเพลิงไหม้หลายแห่งและสร้างความเสียหายให้กับสถานกงสุลใหญ่ของจีนในโอเดสซาด้วย
โอเลห์ ไคเปอร์ ผู้ว่าการโอเดสซา โพสต์ผ่านเทเลแกรม เป็นภาพของอาคารสถานกงสุลจีนตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอเดสซา ในสภาพกระจกหน้าต่างแตก และว่า “ผู้รุกรานจงใจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ อาคารฝ่ายบริหารท้องถิ่นและที่อยู่อาศัยใกล้เคียงได้รับความเสียหาย รวมทั้งสถานกงสุลจีน มันแสดงให้เห็นว่าศัตรูไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น”
ด้านรัฐบาลปักกิ่งไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ หลังเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของยูเครน เยือนจีนในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกรุงเคียฟคนแรกที่มาเยือนจีนหลังรัสเซียบุกยูเครนเมื่อปีก่อน ซึ่งจีนแสดงความต้องการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากยูเครน ขณะที่ยูเครนต้องการโน้มน้าวจีนให้รักษาระยะห่างจากรัฐบาลมอสโก
ส่วนที่เมืองมีโคลาอิฟซึ่งอยู่ติดกัน มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 19 คน โดย 5 คนเป็นเด็ก ตามการเปิดเผยของ วิตาลี คิม ผู้ว่าการเขตปกครองมีโคลาอิฟ ที่เปิดเผยผ่านแอปเทเลแกรม
รัสเซียเรียกการโจมตีท่าเรือต่าง ๆ ของยูเครนว่าเป็นการแก้แค้นการโจมตีสะพานไครเมียเมื่อวันจันทร์ และระบุในวันพฤหัสบดีอีกว่าการโจมตีเพื่อตอบโต้ยูเครนยังดำเนินต่อไปและจะมุ่งเป้าไปยังโอเดสซาและมีโคลาอิฟเป็นหลัก
อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประณามการโจมตีของรัสเซียที่เกิดขึ้นหลังการสิ้นสุดของข้อตกลงทะเลดำ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “การโจมตีเหล่านี้มีผลกระทบมากกว่าที่ยูเครน เราเริ่มเห็นผลกระทบด้านลบต่อราคาข้าวโพดและข้าวสาลีในตลาดโลกที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเปราะบางในภูมิภาค Global South (ละตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย)”
ก่อนหน้านี้ กองทัพรัสเซียยังประกาศว่า จะถือว่าเรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังน่านน้ำของยูเครนตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดีเป็นต้นไปเป็นเรือที่ขนอาวุธทั้งสิ้น และรัฐของเรือเหล่านั้นจะมีส่วนร่วมและอยู่ฝั่งเดียวกับยูเครนในสงครามนี้ พร้อมระบุว่าส่วนหนึ่งของทะเลดำนั้นเป็นพื้นที่ซึ่งไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป ฝั่งยูเครน ตอบโต้รัสเซียกลับด้วยการประกาศมาตรการที่คล้ายกันนี้ในวันพฤหัสบดี
John Kirby, director of strategic communications for the National Security Council, speaks to VOA on July 20, 2023, in this screen grab taken from video
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว บอกกับ วีโอเอว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มองคำขู่ของรัสเซียเป็นเพียงลมปาก แต่เป็นท่าทีที่ร้ายแรง โดยกล่าวว่า “เราจะทำงานร่วมกับยูเครนและพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราเพื่อพยายามหาหนทางอื่น ๆ เพื่อนำธัญพืชออกจากยูเครนให้ได้” และว่า “มันเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องหันมาใช้เส้นทางทางบก เราเคยทำเช่นนั้นมาก่อน – ก่อนที่ข้อตกลงส่งออกธัญพืชจะมีผลบังคับใช้”
ขณะเดียวกัน เคิร์ท โวลเกอร์ อดีตทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การนาโต้ บอกกับ วีโอเอ ว่า รัสเซีย “ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำการขู่เรือของประเทศที่ 3” ที่แล่นอยู่ในน่านน้ำสากลในทะเลดำ
เมื่อวันจันทร์ รัสเซียประกาศว่าจะไม่เข้าร่วมข้อตกลงทะเลดำหากไม่มีข้อตกลงที่ดีกว่าสำหรับรัสเซีย ซึ่งทางสหประชาชาติระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวคุกคามความมั่นคงทางอาหารของประเทศยากจนทั่วโลก
ด้านรัฐบาลยูเครนหวังจะกลับมาส่งออกธัญพืชโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเรือขนส่งใดที่ออกจากท่าเรือของยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวไปเมื่อต้นสัปดาห์ และบริษัทประกันเรือขนส่งต่างตั้งคำถามว่าจะคงนโยบายรับประกันสำหรับการค้าบริเวณพื้นที่สงครามอยู่อีกหรือไม่
ทางประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุในค่ำวันพุธด้วยว่าการโจมตีเมืองท่ายูเครนของรัสเซียนั้น คือข้อพิสูจน์ว่า “เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่ยูเครน และไม่ใช่แค่ชีวิตของประชาชนของเราเท่านั้น”
มาตรการลงโทษรัสเซียเพิ่มเติม
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ได้มีการตัดสินใจดำเนินการลงโทษรัสเซียเพิ่มเติม โดยเป้าหมายนั้นคือบุคคลจำนวน 18 คนและองค์กรอีกหลายสิบแห่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อปิดกั้นรัสเซียไม่ให้เข้าถึงสินค้าที่จะมาช่วยสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการใหม่นั้นถูกออกแบบมาเพื่อ “ลดรายได้ของรัสเซียจากธุรกิจเหล็กและเหมืองแร่ เพื่อบั่นทอนความสามารถด้านพลังงานในอนาคต และลดความสามารถในการเข้าถึงระบบการเงินสากลของรัสเซีย”
ที่มา: รอยเตอร์ และ VOA
Insightful piece
Spectacular, keep it up