เปิดประสบการณ์ “ครูเวร” ผู้ถูกเรียกร้องให้เสียสละเพื่อปกป้องทรัพย์สินของราชการ

12

าพจากกล้องวงจรปิดที่ฉายให้เห็นถึงเหตุการณ์ครูผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงในระหว่างที่เธอกำลัง “เข้าเวร” เมื่อวันที่เสาร์ที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นประเด็นคำถามในสังคมไทย ถึงความปลอดภัยในชีวิตของ “ครูเวร”

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นที่โรงเรียนโป่งเกลือ ต.ดอยลาน อ.เมือง จ.เชียงราย ในช่วงกลางวันของวันเสาร์ที่ 20 ม.ค. 2567 มีชายคนหนึ่งที่โรงเรียนได้ว่าจ้างให้เข้ามาตัดต้นไม้ ได้เข้าไปทำร้ายร่างกายของครูผู้หญิงวัย 41 ปี พร้อมกับฉุดกระชากเธอไปกับพื้น ก่อนที่จะมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เข้ามาช่วยเหลือครูคนดังกล่าวได้ทัน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยระบุว่า ครูคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บบริเวณปาก และมีแผลฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว

เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของ “ครูเวร” และกฎเกณฑ์ว่าด้วยการเข้าเวรของครูไทย รวมถึงกระแสในโลกออนไลน์ที่เกิดแฮชแท็ก #ยกเลิกครูเวรกี่โมง ที่เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกเลิกกฎว่าด้วยการเข้าเวร เพื่อคืนชีวิตที่ปลอดภัย และลดภาระที่ไม่จำเป็นให้กับครูไทยทั่วประเทศ

ปัญหาที่ครูเวรต้องเผชิญ

“ผมต้องพกมีดไว้เพื่อป้องกันตัวเอง” คือคำกล่าวจาก นายร่มเกล้า (ขอสงวนนามสกุล) ครูคนหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ เขาบอกกับบีบีซีไทยว่า มีดพกขนาดเล็กคือสิ่งที่เขาเลือกพกไว้ข้างกายเสมอในวันที่เขาต้องเข้าเวรตอนกลางคืน หลังจากที่โรงเรียนเก่าที่เขาเคยสังกัดอยู่ เคยมีเหตุโจรเข้ามาขโมยคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนออกไป

แม้ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เผชิญกับตัว แต่ร่มเกล้าเชื่อว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับเขาในอนาคต เขาจำเป็นต้องมีวิธีการบางอย่างเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง

“ผมพกมีดเพราะว่าตอนที่อยู่โรงเรียนเก่า เคยมีครูรุ่นพี่เขาเล่าว่า มีโจรสามคนบุกเข้ามาขโมยคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ขโมยไปได้ด้วย แต่ครูเวรไม่ทราบเรื่องนี้เพราะนอนอยู่อีกห้องหนึ่ง ถ้าวันนั้นคนที่เข้ามาขโมยของ ได้เปิดประตูเข้ามาโผล่ที่ห้องเรา เราก็ต้องสู้ เลยคิดว่าต้องพกมีดเอาไว้ตลอดดีกว่า ซึ่งก็ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เข้าเวรนับตั้งแต่นอนเวรมากว่าสิบปี” ร่มเกล้า กล่าว

ครูคนดังกล่าวบอกว่า ทุกครั้งที่เขาเข้าเวรในช่วงวันหยุด เขาจะไม่โพสต์หรือไม่บอกใครว่าวันนี้เขาจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ค้างคืนที่โรงเรียน เพื่อปกปิดความเป็นส่วนตัว และเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

เขายังได้อธิบายด้วยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาในฐานะ “ครูเวร” นั้นแทบจะห่างไกลจากคำว่าสะดวกสบาย ไม่เพียงแค่เรื่องความปลอดภัย แต่ปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ครูคนหนึ่งได้รับก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาด้วยเช่นกัน

“มันถึงขั้นที่ว่า ผมต้องใช้ผ้าห่มซ้ำกันกับคนที่อยู่เวรก่อนหน้า หรือถ้าเกิดไม่ใช้ซ้ำก็ฝุ่นจับจนเราหายใจแล้วเราฝืดคอ ห้องน้ำก็ไม่มีในตัว ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเดินไปค่อนข้างไกล บางครั้งแอร์ก็ไม่ได้ล้าง จึงส่งกลิ่นเหม็นอับมาก ๆ ทำให้ในบางครั้ง ต้องตัดใจไปนอนห้องวิชาการ แล้วเอาเสื่อไปปูนอนแทน” ร่มเกล้า ย้อนอธิบายถึงประสบการณ์ในอดีต

สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการสอนและการเตรียมตัวเพื่อนักเรียนของเขาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะภาวะการอดนอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเข้าเวรเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ซึ่งวันต่อมาที่เป็นวันจันทร์เขาต้องจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน

เมื่อครูถูกเรียกร้องให้เสียสละมากเกินไป

ร่มเกล้ามองว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของการอยู่เวรคือความปลอดภัยของครู และสิ่งนี้ยังสะท้อนได้ว่าระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกำลังเรียกร้องให้ครูทั้งประเทศ “เสียสละ” มากเกินไป โดยที่พวกเขาไม่ได้รับการดูแล หรือการตอบแทนที่เป็นธรรมจากระบบการศึกษา

“มันเปลืองทรัพยากรของตัวเราเอง การอยู่เวรมันเรียกร้องความเสียสละจากครู ยกตัวอย่างการที่ผมเดินทางมาโรงเรียน ผมต้องขับรถจากบ้าน 60 กิโลเมตร และในกรณีเข้าเวรวันเสาร์ ผมต้องขับรถมา เพื่อมานอนไม่หลับที่โรงเรียน และอยู่ในห้องอับ ๆ ผ่านไปหนึ่งคืน ก่อนจะขับรถกลับในวันรุ่งขึ้น ค่าน้ำมันก็ต้องออกเอง ชีวิตของเราเองก็ต้องเสี่ยงความปลอดภัย” ร่มเกล้า ระบุ

ครูในจังหวัดนครสวรรค์ผู้นี้ ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้มีอำนาจในระบบการศึกษาไทยมักไม่เห็นคุณค่าของบุคลากรในระบบเท่าที่ควร ครูมักถูกคาดหวังให้ทำหน้าที่ที่หลากหลาย แต่ระบบการศึกษากลับไม่ให้การสนับสนุนพวกเขา ยกตัวอย่างกรณีการอยู่เวรที่เขาและครูอีกเป็นจำนวนมากในประเทศไม่เคยได้รับเงินล่วงเวลา ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อสิ่งที่พวกเขาเสียสละไปเพื่อโรงเรียนและนักเรียน

“ทําไมต้องมาเรียกร้องความเสียสละ และเวลาจากครูขนาดนั้น ทั้งที่พวกเราก็เป็นหนึ่งอาชีพที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน” ร่มกล่าว ระบุ

ย้อนดูหลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2542 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ ซึ่งครอบคลุมถึงโรงเรียนในสังกัดรัฐบาลว่า ต้องมีการจัดเวรเพื่อรักษาการณ์ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนในทุกวันหยุดราชการ เพื่อดูแลป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสถานที่ราชการ

ในกรณีที่ผู้อยู่เวรเป็นผู้หญิง มติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาตั้งกว่า 20 ปีที่แล้วฉบับนี้ได้ระบุว่า ให้จัดให้ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในเวลากลางวันของวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เว้นแต่ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะที่จะต้องปฏิบัติในเวลากลางคืน โดยจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรที่เป็นผู้หญิงด้วย

มติของคณะรัฐมนตรีฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า ในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานใด มีหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำสถานที่ราชการ หรือมีการจ้างเอกชนให้บริการดูแลรักษาความปลอดภัยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้มีเวรรักษาการณ์ หรือผู้ตรวจเวรก็ได้

อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติแล้วก็ยังมีรายงานถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในบางโรงเรียนขนาดเล็ก และมีเพียงแค่ครูผู้หญิงเท่านั้น มติชนออนไลน์ เคยรายงานเกี่ยวกับโรงเรียนบ้านห้วยไผ่ขุย โรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ในเขตพื้นที่ ต.หนองนางนวล อ.หนองฉาง จ.อุทัยธา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีเพียงครูผู้หญิงล้วน ขณะที่นักการภารโรงคนเดิมได้เสียชีวิตลงไป เมื่อหาคนมาทดแทนไม่ได้ ครูผู้หญิงจึงต้องอยู่เวรตอนกลางคืนแทน โดยครูในโรงเรียนดังกล่าวยอมรับว่ารู้สึกหวาดกลัว เพราะโรงเรียนตั้งอยู่ในบริเวณที่เงียบมาก

องค์กรครูเรียกร้องยกเลิกการอยู่เวร

หลังจากเกิดเหตุครูผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานสหพันธ์ครูเชียงราย และตัวแทนจากเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 2-4 ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกการอยู่เวรในวันหยุด พร้อมเสนอให้ใช้วิธีการอื่นเพื่อดูแลความปลอดภัยแทน เช่น การใช้เทคโนโลยีที่จะช่วยให้ครูสามารถดูแลความปลอดภัยจากระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาประจำอยู่ที่โรงเรียน

ด้านสมาคมพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ออกแถลงการณ์ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเรียกร้องให้มีการยกเลิการอยู่เวรยามของข้าราชการครู

นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ ในฐานะนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ให้เหตุผลว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2542 ที่ให้ครูผู้หญิงทำหน้าที่ปกป้องทรัพย์สินของราชการ ถือเป็นแนวคิดที่ผิดเพี้ยน เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ที่เข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์สินราชการล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายและมีอาวุธ ซึ่งเกินวิสัยที่ครูผู้หญิงจะสามารถรับมือได้

ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า โรงเรียนซึ่งเป็นสถานศึกษา ไม่ได้มีหน้าที่ให้บริการประชาชนในวันหยุดราชการ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะให้มีครูมาอยู่เวรเพื่อบริการประชาชน พร้อมทั้งมองว่า การมีโรงเรียนจำนวนนับหมื่นในพื้นที่ชนบท ซึ่งหลายแห่งตั้งอยู่ในที่เปลี่ยวและไม่ปลอดภัย ก็จะมีโอกาสเกิดความเสียหายต่อครูที่ต้องอยู่เวรในวันหยุดได้เช่นกัน

ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีปี 2542

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนจะสนับสนุนให้คณะรัฐมนตรียกเลิกมติเรื่องการอยู่เวรรักษาการณ์ที่เคยออกมาในปี 2542 เพราะมองว่า ข้าราชการไม่ควรต้องมารับผิดชอบต่อความเสียหายของทรัพย์สินทางราชการ ที่เกิดจากเหตุอาชญากรรม

“เมื่อไม่มีครูเวรแล้ว ต่อให้ยังไม่มียามหรือกล้องวงจรปิด ถ้ามีการโจรกรรมก็ไม่ใช่ความผิดของครู ต้องเป็นความรับผิดชอบของอาชญากรและหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคง” รองนายกฯ กล่าว

ต่อมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ระนอง ในวันนี้ (23 ม.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณายกเว้นมติ ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2542 แล้ว โดยมองว่า มติดังกล่าวเป็นสิ่งที่ล้าหลัง เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถทำสิ่งนี้แทนได้

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ยกเลิกการอยู่เวรตามมติ ครม. เมื่อปี 2542 โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ได้ในทันที

นายกฯ กล่าวว่า หลังจากนี้กระทรวงศึกษาธิการ จะได้ขอให้หน่วยงานจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่ เข้ามามีส่วนช่วยดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนแทนครูที่ต้องมาอยู่เวร

12 thoughts on “เปิดประสบการณ์ “ครูเวร” ผู้ถูกเรียกร้องให้เสียสละเพื่อปกป้องทรัพย์สินของราชการ

  1. Hello would you mind sharing which blog platform you’re working with?

    I’m planning to start my own blog soon but I’m having a difficult time choosing between BlogEngine/Wordpress/B2evolution and Drupal.

    The reason I ask is because your design and style
    seems different then most blogs and I’m looking for something unique.
    P.S My apologies for getting off-topic but I had to
    ask!

  2. Nice post. I was checking constantly this blog
    and I’m impressed! Very helpful info particularly the last part :
    ) I care for such info a lot. I was looking for this certain information for a long time.

    Thank you and best of luck.

  3. Heya i’m for the first time here. I came across this board and I find It truly useful & it helped me out a lot.
    I hope to give something back and help others like you aided
    me.

  4. helloI like your writing very so much proportion we keep up a correspondence extra approximately your post on AOL I need an expert in this space to unravel my problem May be that is you Taking a look forward to see you

  5. you are in reality a good webmaster The website loading velocity is amazing It sort of feels that youre doing any distinctive trick Also The contents are masterwork you have done a fantastic job in this topic

  6. I just could not leave your web site before suggesting that I really enjoyed the standard information a person supply to your visitors Is gonna be again steadily in order to check up on new posts

  7. Normally I do not read article on blogs however I would like to say that this writeup very forced me to try and do so Your writing style has been amazed me Thanks quite great post

  8. of course like your website but you have to check the spelling on several of your posts A number of them are rife with spelling issues and I in finding it very troublesome to inform the reality on the other hand I will certainly come back again

  9. Wow superb blog layout How long have you been blogging for you make blogging look easy The overall look of your site is magnificent as well as the content

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *